การเมืองข้างถนนแบบไทยๆ ลามไกลไปแดนมหาอำนาจโลก
ม็อบกองเชียร์ “ลุงทรัมป์-ลุงไบเดน” เผชิญหน้าเดือดดาลในหลายเมือง ไม่ยอมรับผลเลือกตั้งประธานาธิบดีที่อำนาจทำท่าจะเปลี่ยนมือมาเป็นของพรรคเดโมแครต มีผู้นำคนใหม่ชื่อ “โจ ไบเดน”
ดินแดนต้นแบบประชาธิปไตย ก็ไม่เคารพเสียงประชาชน ลงถนนกันให้วุ่นวาย ถ้าอำนาจคลิกไม่ลงตัว
หันกลับมาที่เมืองไทย สถานการณ์ยังน่าห่วง ม็อบเด็กรุ่นใหม่โชว์พลังรายวัน แต่ยังปิดจ๊อบโค่น “ลุงตู่” ไม่ลงชักจะหมดมุก ทำได้แค่เปลี่ยนจุดชุมนุมวนไปเวียนมาเพราะ “ลุงตู่” ทนทายาด ยิ่งไล่ยิ่งอึด ฮึดสู้เสียงโห่
ล่าสุดเตรียมโชว์พลังกันอีกรอบ 8 พ.ย.2563 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่คงเป็นอีหรอบเดิม ได้แค่เคลื่อน ไหวเชิงสัญลักษณ์ เสร็จแล้วก็แยกย้ายกลับบ้านใคร บ้านมัน
สรุปแล้วยังยุ่งเหยิง ยื้อยุดกันไปมา ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน
ขณะรุ่นใหญ่ “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภาช่วยรอมชอม วิ่งรอกหาประธานองคมนตรี อดีตนายกฯ ช่วยเป็นคนกลางหาทางออกประเทศ ยังถูกม็อบเด็กเซย์โน ปฏิเสธร่วมวงคณะกรรมการสมานฉันท์หย่าศึกความขัดแย้ง
คณะกรรมการสมานฉันท์ทำท่าวงแตก ตั้งแต่ยังเปิดโต๊ะเจรจา
ส่วนคนกลางก็ไม่มีใครอยากเสี่ยงเสนอตัวอาสาสงบศึก กลัวทัวร์ลง ในภาวะที่คนในชาติแตกแยกเกินเยียวยา
ระดับเกรดพรีเมียมอย่าง “อานันท์ ปันยารชุน” ที่ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาโชกโชนในช่วงนั่งเก้าอี้ผู้นำขัดตาทัพเมื่อครั้งประเทศเผชิญวิกฤตขัดแย้งในอดีต แค่มีชื่อออกมานั่งหัวโต๊ะคุมเกมปรองดองเที่ยวนี้ ยังสะบักสะบอมถูกด่ากระเจิง
ไม่เว้นกระทั่งคนฝ่ายรัฐบาลด้วยกันเอง “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม. ค่ายพลังประชารัฐ จับถอนหงอกบอกควรจับไปดองเค็มมากกว่า
ใครๆก็ไม่กล้าแหยม ออกตัวไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
หนทางปรองดองดูแล้วริบหรี่ ม็อบราษฎรไม่ลดเพดานบิน ติดเครื่องไล่ “ลุง” อย่างเดียวเมินบันไดที่นำมาพาดหาทางลงให้
หรือจะหวังพึ่งคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ 2 ธ.ค.2563 ที่นัดชี้ชะตา “บิ๊กตู่”กรณีใช้บ้านพักในกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ เป็นที่อยู่อาศัย หลังจากเกษียณอายุราชการไปแล้ว เข้าข่ายการขัดกันแห่งผลประโยชน์ มีผลให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงนั้น
ก็ยังไม่รู้จะช่วยหาทางลง หรือโหมไฟให้ลุกโชนกว่าเก่า หากคำพิพากษาออกมาไม่ตรงความความคาดหวังของทีมไล่ “ลุง”
วี่แววความปรองดองยังมืดมน ทางออกประเทศไทย ไม่รู้จะลงเอยอย่างไร ต้องติดตามต่อไปด้วยใจระทึก ไทยแลนด์ แดนแห่งความวังเวง
#พยัคฆ์ศึก