อนุทิน ชาญวีรกูล ตัวเลือกที่เลือกได้
หลังปิดหีบนับคะแนนแล้วเสร็จ ตัวเลขของแต่ละพรรคออกมา ทำให้เห็นทิศทางในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคที่มีจำนวนเก้าอี้มากสุด หรือพรรคที่ป๊อบปูล่าร์โหวต จะชิงธงนำในการรวบรวมจำนวนส.ส.ให้ได้เกินกึ่งหนึ่งเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีและเพื่อทำให้หน้าที่ในสภาได้อย่างมีเสถียรภาพ แต่สำหรับพรรคภูมิใจไทย ภายใต้การนำของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ตอนนี้กำเสียงส.ส.ในสภาได้ราวเขต 39 + ปาร์ตี้ลิสต์ 12 หรือเท่ากับ 51 เก้าอี้ ไม่ใช่จำนวนมาก แต่ก็ไม่น้อย อยู่ในระดับที่สองขั้วต้องการมากที่สุด กลายเป็นพรรคที่สร้างจุดเปลี่ยน สร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคที่ “เสี่ยหนู” ตัดสินใจไปร่วมวง พรรคภูมิใจไทยผงาดขึ้นเป็นพรรคการเมืองที่ทุกพรรคต้องการตัวมากที่สุด เป็น “พรรคตัวเลือกที่เลือกได้” มีอำนาจต่อรองสูง ทุกพรรคพร้อมประเคนเก้าอี้กระทรวงเกรดเอให้ทันที หากตัดสินใจร่วมหัวจมท้าย ดังที่เห็นจากข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ถึงขั้นประกาศยกเก้าอี้นายกฯ ล่อใจให้ “เสี่ยหนู” มาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล หรือกระทั่งทางฝากพลังประชารัฐ ที่มีข่าวกระเส็นกระสายออกมาว่ายอมยกตำแหน่งรองนายกฯ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ภูมิใจไทยทันที แต่ยังมีข้อแม้กระทรวงคมนาคมที่คุมเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ผู้จัดตั้งรัฐบาลยังไม่ยอมปล่อยให้ภูมิใจไทยได้เข้ามาควบคุม หมากเกมนี้ “เสี่ยหนู” เล่นบทยื้อทอดเวลา ประกาศจะไม่ปริปากว่าจะร่วมไม่ร่วมกับใคร จนกว่าจะถึงวันประกาศรับรองส.ส.อย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พ.ค. เท่ากับมีเวลาในการต่อรองกันอีกนาน กระนั้นถ้าดูจากท่าทีแล้ว ไม่แคล้วว่าร่วมรัฐบาลกับฝั่ง “พลังประชารัฐ” อย่างแน่นอน เพราะมีกระแสข่าวว่า “บิ๊ก บราเธอร์”ในภาคอีสาน ประสานงานกับท็อปบูตเป็นระยะ เพราะ “บิ๊กบราเธอร์” นี้เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกันมา จนมีวลีเด็ดที่แสบทรวงไม่หาย “มันจบแล้วครับนาย” ในคราวนั้นภูมิใจไทยปันใจจากเพื่อไทย หันมาร่วมกับประชาธิปัตย์ ส่งให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯที่ถูกวิพากษ์ว่าตั้งกันในค่ายทหาร เหตุการณ์นั้นทำให้พรรคได้รับกระทรวงเกรดเอเป็นรางวัลตอบแทน ขณะที่ทาง “เสี่ยหนู” กับความสันพันธ์กับนายใหญ่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็เรียกว่ามีความสัมพันธ์ในระดับที่ดี หลังจากได้พบกันในหลายวาระ และเคลียร์ปัญหาค้างคาใจกันจนลบรอยร้าวได้พอสมควร แต่ในการจัดตั้งรัฐบาลรอบนี้ “ดีลเสี่ยหนู-นายใหญ่” มีเงื่อนไขที่หากเลือกฝ่ายใด แล้วไม่ทำให้กินแหนงแคลงใจกัน สำหรับ “เสี่ยหนู” ได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค สืบทอดเก้าอี้จาก “ปู่จิ้น” ชวรัตน์ ชาญวีรกูล ผู้เป็นบิดาขอลาออกจากหัวหน้าพรรค ชั่วโมงบินทางการเมือง “เสี่ยหนู” อาจไม่มากเท่าประสบการณ์ในสายธุรกิจก่อสร้าง “ซิโน-ทัย” ที่ประสบความสำเร็จเป็นที่รู้จัก จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ เขาเป็นนักธุรกิจที่โดดเด่น เพราะเข้ามาบริหารในวันที่ธุรกิจร่อแร่ เมื่อเข้ามาดูแลทำให้ “ซิโน-ทัย” กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าเป็นหมื่นล้านในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้เชื่อของ “อนุทิน” เป็นที่รู้จักในแวดวงก่อสร้างเป็นอย่างดี นอกจากมีดีเรื่องบริหารธุรกิจแล้ว เขายังเป็นผู้ชื่นชอบการเหิรฟ้า มีเครื่องบินเจ็ทเป็นของตัวเอง และมีชั่วโมงบินสูงคนหนึ่ง แถมทำประโยชน์เพื่อสังคมโดยการขับเครื่องบินเปลี่ยนถ่ายหัวใจให้ผู้ป่วย ได้ต่อชีวิตยืนยาว ในด้านชีวิตส่วนตัว สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญ และระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย Hoftra ประเทศสหรัฐอเมริกา สมรสครั้งแรกกับนางสนองนุช ชาญวีรกูล มีบุตร 2 คน สมรสครั้งที่ 2 กับนางศศิธร ชาญวีรกูล รองกรรมการผู้จัดการ แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรีคลับ ปากช่อง “เสี่ยหนู” เข้าสู่แวดวงการเมืองในปี พ.ศ. 2539 ที่ปรึกษา รมว.การต่างประเทศ ประจวบ ไชยสาส์น และเคยเป็นรมช.ว่าการกระทรวงสาธารณสุขในรัฐบาลนายทักษิน เมื่อปีพ.ศ. 2547-2548 และรมช.พาณิชย์ ต่อมาถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย หลังจากพ้นโทษแบนนายอนุทิน ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ในปี พ.ศ. 2555 และได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคในเวลาต่อมา การเลือกตั้งครั้งนี้สร้างปรากฎการณ์ที่ทำให้ภูมิใจไทยได้จำนวนส.ส.มากกว่าครั้งที่ผ่านมา ภายใต้การนำของ “อนุทิน” ที่มีนโยบาย ยุทธศาสตร์ต่างๆ จนทำให้ได้ใจประชาชนกว่า 3 ล้านคนได้มากจนใกล้เคียงกับพรรคที่เคยใหญ่อย่างประชาธิปัตย์ “เสี่ยหนู”ในวันนี้จึงเรียกว่าครบเครื่อง พร้อมเป็นนายกฯได้สบาย